โรคติดต่อที่ถูกพูดถึงอยู่เป็นประจำในทุก ๆ ปี และมีการเฝ้าระวังกันอย่างมากในเด็ก ๆ อายุต่ำกว่า 5 ปี นั่นก็คือ “โรคมือ เท้า ปาก” ซึ่งเป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบมากที่สุดในช่วงหน้าฝน โดยในแต่ละปี จำนวนเด็กที่ป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก นี้ จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจสาเหตุของการติดเชื้อ ก็จะสามารถดูแลลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ไม่ยากเลย
โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง การติดต่อของโรคจะติดต่อได้จากการรับเชื้อโดยตรงทางปาก ซึ่งการรับเชื้อทางปากในที่นี้หมายถึง การที่เด็กมีเชื้ออยู่ที่มือแล้วนำของเล่น ของกินที่ถูกสัมผัสด้วยน้ำมูก น้ำลาย หรือสารคัดหลั่งต่าง ๆ ที่มีจากผู้ที่มีเชื้อ เช่น การไอ จาม เป็นต้น หรือไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร กินน้ำกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ก็สามารถติดต่อได้เช่นกัน และจากการสำรวจพบว่า “โรคมือ เท้า ปาก พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี” เนื่องจากเด็กเหล่านี้ยังมีภูมิคุ้มกันโรคที่ต่ำอยู่ โอกาสในการติดเชื้อจึงง่าย โดยเชื้อที่เป็นต้นเหตุของโรคนี้ คือ เชื้อไวรัสเอนเทอโร (Enterovirus) ที่เมื่อเด็กรับเชื้อเข้าไปแล้วจะแสดงอาการภายใน 3-7 วัน
หลังจากที่เด็กได้รับเชื้อไวรัสมาแล้วภายใน 7 วัน เด็กจะเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เบื่ออาหาร มีน้ำมูก เจ็บคอ คลื่นไส้ หลังจากนั้นประมาณ 1-2 วัน เก็กก็จะเริ่มมีตุ่มพองเล็ก ๆ เป็นจุดนูนแดงที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ และตุ่มน้ำใสบริเวณภายในปาก และหลังจากเป็นตุ่มแดงตามร่างกายได้สักพัก ตุ่มแดง ๆ เหล่านั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำ เด็กบางคนอาจจะคันหรือไม่คันก็ได้ แต่อาการของตุ่มแดง ๆ จะมาพร้อมมีไข้ แต่ไข้จะค่อย ๆ หายได้เองภายใน 3-4 วันส่วนแผลในปากก็จะหายได้เองเช่นกันภายใน 7 วัน และตุ่มตามมือและเท้าจะค่อย ๆ หายไปภายใน 10 วัน สำหรับที่มีอาการรุนแรง เด็กอาจจะได้รับเชื้อเอนเทอโรไวรัส ชนิด 71 ซึ่งจะอาจจะมีอาการปวดหัวมาก ชัก แขนขาอ่อนแรง หายใจหอบ ซึมและอาจจะอาเจียนรุนแรงก็ได้ หากเด็กมีอายุน้อยกว่า 3 ปีหรือมีดรคประจำตัวอยู่แล้ว อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ อัมพาต และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เมื่อเรารู้ถึงอันตรายของโรคมือ เท้า ปากแล้ว หากสังเกตเห็นว่าลูกน้อยเริ่มมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์
แพทย์หญิงวาสินี สรรพดิลก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ในเด็ก ให้คำแนะนำมาว่า
ในระยะเริ่มต้น โรคมือ เท้า ปาก จะมีอาการใกล้เคียงเหมือนเป็นไข้หวัดปกติ คือมีอาการเจ็บคอ ปวดหัว อ่อนเพลีย มีน้ำมูก แต่หลังจากนั้นไม่นาน จะมีตุ่นน้ำขึ้นตามตัวเด็ก จึงสามารถบอกได้แล้วว่าไม่ใช่อาการไข้หวัดธรรมดาแน่นอน อย่างไรก็ตาม โรคอีสุกอีใสก็มีตุ่มน้ำขึ้นตามตัวเด็กเช่นกัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าลูกเราเป็นอะไรกันแน่
อาการตุ่มน้ำใสตามตัวเด็กของโรคอีสุกอีใสจะกระจายไปตามใบหน้า ลำตัว แขนขา และอาจจะมีในปากด้วยเช่นกัน แต่สำหรับโรคมือ เท้า ปากแล้ว ตุ่มน้ำที่ขึ้นมาจะแสดงเฉพาะที่อย่าง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และภายในปากเท่านั้น
แม้ว่าในปัจจุบัน จะยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ แต่การป้องกันก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่รู้จัก “หลีกเลี่ยง”
ดังนั้น การรักษาสุขอนามัยของเด็กและสภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่นั้นเป็นการป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ได้ดีที่สุด โดยพ่อแม่สามารถหมั่นทำความสะอาดและดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด สอนให้เด็กล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคมากขึ้น