ก่อนอื่น ต้องได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อน คือ ต้องนั่งพักสัก 10 นาที ก่อนวัดความดันและทุกครั้งที่วัดผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเป็นครั้งคราว เรียกว่า Labile hypertension มีแนวโน้มจะเป็นโรคความดันโลหิตสูงในอนาคต จึงควรหมั่นตรวจวัดความดันบ่อยๆ
เกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงขององค์การอนามัยโลก WHO
เกณฑ์นี้ใช้ได้ทุกอายุ ไม่ได้แบ่งช่วงอายุเหมือนเกณฑ์เดิมที่เคยใช้มา และถ้าค่าใดค่าหนึ่งสูงกว่าปกติ ก็ถือว่าเป็นโรค ในผู้ป่วยภาวะก่อนเป็นความดัน (PRE-HYPERTENSION) จากการติดตามเป็นระยะยาว ก็พบโรคแทรกซ้อนเหมือนเป็นโรคความดันโลหิต
ความดันโลหิตตัวบน (Systolic) เป็นความดันในเส้นเลือดแดง ช่องที่หัวใจบีบตัว
ความดันโลหิตตัวล่าง (Diatolic) เป็นความดันในเส้นเลือดแดง ช่องที่หัวใจคลายตัว
ผลเสียของความดันโลหิตสูง
จากการศึกษาในต่างประเทศ โดยติดตามผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี เปรียบเทียบกับคนความดันปกติ FRAMINGHAM STUDY พบว่า ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง จะเป็นโรคทางสมอง (เส้นเลือดสมองตีบตัน หรือแตก) และโรคหัวใจ (ขาดเลือด) มากกว่าผู้ที่มีความดันปกติอย่างชัดเจน มีนัยสำคัญทางสถิติ
ดังนั้น ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ถึงแม้ไม่มีอาการใดๆ ก็สมควรต้องได้รับการรักษาควบคุมให้ความดันโลหิตลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และจากการศึกษาก็พบว่าควรจะควบคุมให้ความดันต่ำกว่า 130/85 มิลลิเมตรปรอท จะมีโรคแทรกซ้อนน้อย
โรคแทรกซ้อน
โรคแทรกซ้อนของความดันโลหิตสูง แบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
การปฏิบัติตัว
เรียบเรียงโดย :
ศูนย์ : อายุรกรรม
ปรึกษาอายุรแพทย์ : 02-391-0011