วัคซีนภูมิแพ้

เล่นกีฬาเด็ก

Q โรคภูมิแพ้คือ และ โรคภูมิแพ้ที่พบเจอได้บ่อย

A โรคภูมิแพ้เกิดจากภาวะภูมิไวเกิน (hypersensitivity) ทำให้มีปฎิกริยาตอบสนองต่อสารที่พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร และ อาหาร ซึงคนทั่วไปไม่มีปฎิกริยา อาการของโรคอาจเกิดกับระบบต่างๆ เช่น คัดจมูก น้ำมูก คันตา มีผื่นตามตัว หรืออาการพร้อมกันหลายระบบได้ มักจะเป็นเรื่องรัง ความรุนแรงมีทั้งรบกวนชีวิตประจำวันเพียงเล็กน้อย จนถึงรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อย

  1. โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ Allergic rhinitis มักมีอาการคัดแน่นจมูก จาม หายใจไม่สะดวก
  2. โรคตาอักเสบภูมิแพ้ Allergic conjunctivitis มักมีอาการคันตา เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหลผิดปกติ
  3. โรคหืด Asthma มักมีอาการไอ เหนื่อย หอบ หายใจมีเสียงหวีด
  4. โรคแพ้อาหาร และ ยา Food allergy / medication allergy มักมีผื่นลมพิษ หน้าบวม ปากบวม หายใจไม่สะดวก

Q การรักษาโรคภูมิแพ้มีกี่แบบ

Aผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีอาการแพ้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

  1. หาสาเหตุสารก่อภูมิแพ้ และหลีกเสี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ (เราสามารถทำการทดสอบโดย Skin prick test หรือ blood for specific IgE)
  2. รักษาด้วยยา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะได้รับเพื่อรักษาตามอาการ เช่น
    - ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) ป้องกันไม่ให้สารฮิสตามีนทำงาน ซึ่งฮิสตามีนเป็นสารที่หลั่งเมื่อมีสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย โดยสารนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และอักเสบที่อวัยวะต่าง ๆ อย่างการเกิดผื่นคัน ผื่นแดงตามผิวหนัง
    -ยาแก้คัดจมูก (Decongestants) ใช้ลดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ช่วยลดอาการคัดจมูกและการหายใจติดขัด มีทั้งรูปแบบหยอดจมูกและยาเม็ดรับประทาน
    -ยาพ่นสเตียรอยด์ลดอาการอักเสบ (Intranasal steroid) ลดอาการบวมและการเกิดน้ำมูกอุดตันในโพรงจมูก ยาทาสเตียรอยด์รูปแบบครีมที่ใช้ทาผิวหนังบริเวณที่มีอาการแพ้และมีผดผื่นคัน ตัวยาจะช่วยลดการอักเสบของผิวหนังและช่วยไม่ให้ผดผื่นคันขยายไปเป็นวงกว้าง
  3. วิธีภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นการรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ด้วยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปปริมาณเล็กน้อย ทำให้ร่างกายค่อย ๆ คุ้นเคยกับสารและทำให้การแพ้สารนั้นทุเลาลงจนหายขาด เป็นวิธีการฉีดสารก่อภูมิแพ้อย่างต่อเนื่องตามขั้นตอน ผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉีดสารเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานตามความรุนแรงของอาการแพ้และตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย

Q วัคซีนภูมิแพ้เหมาะกับใคร?

A เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้มาก ที่หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และ ใช้ยาตามอาการ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือผู้ที่ใช้ยา แล้วมีผลข้างเคียงของยามาก หรือผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

Q ก่อนการฉีดจำเป็นต้องตรวจก่อนหรือไม่ว่าแพ้อะไรบ้าง?

A มีความจำเป็นต้องตรวจก่อน เพื่อประเมินความรุนแรง และ จะได้เตรียมสารก่อภูมิแพ้ตามชนิดที่ผู้ป่วยแพ้ ควรฉีดสารก่อภูมิแพ้ชนิดที่แพ้ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายค่อยๆ คุ้นเคยกับสารและทำให้การแพ้สารนั้นทุเลาลง

Q การเตรียมตัวก่อนฉีด

A การรักษาแบบ immunotherapy เป็นการรักษาภูมิแพ้แบบตรงจุด แต่ต้องใช้เวลา 3-6 เดือนจึงจะเห็นผล และต้องฉีดต่อเนื่องเป็นเวลานานอย่างน้อย 3 ปี เป็นการฉีดสารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้ ปริมาณน้อยๆ และ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณจนควบคุมอาการภูมิแพ้ได้ เป็นการปรับภูมิคุ้มกันให้หายแพ้จากสิ่งที่แพ้ แต่ในช่วงแรกของการฉีด ผู้ป่วยควรควบคุมอาการภูมิแพ้ให้ดี เช่นควรใช้ยาพ่นจมูก ยาพ่นลดอาการหลอดลมไว ตามอาการก่อน และ ค่อยๆ ลดยา หลังฉีดทุกครั้งควรสังเกตอาการที่ โรงพยาบาลอย่างน้อย 30 นาที


พญ. วาสินี สรรพดิลก

พญ. วาสินี สรรพดิลก
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคภูมิแพ้ในเด็ก



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: ศูนย์กุมารเวช
ชั้น 2A โรงพยาบาลสุขุมวิท
เปิดบริการทุกวัน 07.00 - 22.00 น.
โทร. 02-391-0011 ต่อ 314, 317, 318

ติดตามรับข้อมูลข่าวสารอัพเดทจากทางโรงพยาบาล:

facebook instagram line youtube