เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายคนคิดว่า “โรคกระดูกเสื่อม” ส่วนใหญ่มักพบในกลุ่มของผู้สูงอายุ แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคกระดูกเสื่อม สามารถเกิดได้กับคนในทุกเพศและทุกวัย ไม่เว้นแม้จะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาววัยทำงานก็ตาม นายแพทย์พูนศักดิ์ อาจอำนวยวิภาส ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลสุขุมวิท จะมาช่วยเสริมข้อมูลในเรื่องนี้ให้เข้าใจมากขึ้น
สำหรับภาวะกระดูกเสื่อมในปัจจุบัน หลักๆ เลยคือเรื่องของอวัยวะที่ใช้สำหรับรับน้ำหนัก เช่นในส่วนของกระดูกสันหลัง กระดูกข้อต่างๆ ทั้งข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อเท้า ข้อสันหลัง เป็นต้น
ในส่วนของการเสื่อม นั่นหมายถึง โครงสร้างของกระดูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ในกรณีของกระดูกสันหลังก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของหมอนรองกระดูก รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงพวกเยื่อหุ้มข้อต่างๆ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม และการเคลื่อนตัวของกระดูก ไปกดทับเส้นประสาท ทำเกิดปัญหาการปวดร้าวต่างๆ ในส่วนของข้อกระดูกสันหลังก็เช่นกัน ถ้าเสื่อมมาก ก็จะเกิดการเคลื่อนตัวของกระดูกซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปวด และอักเสบ แล้วส่งผลให้กระดูกเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทเช่นกันทั้งในส่วนคอและส่วนหลัง ส่วนในกรณีส่วนข้อเข่าเสื่อม ข้อเท้าเสื่อมก็จะเกิดการยุบตัวของกระดูกอ่อน แล้วทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ที่อยู่บริเวณข้อต่างๆ เกิดการเสื่อมสภาพ ความแข็งแรงน้อยลง เกิดการหลวมและเสียดสีมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นการอักเสบ และป่วยตามมา
จะเริ่มมีอาการปวดเมื่อยง่าย รวมถึงลักษณะของโครงสร้างของหลังเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเริ่มมีอาการของโรคนี้แล้ว เพราะสาเหตุของอาการปวดตึงง่ายนี้ แรกๆ ปวดๆ หายๆ หลังๆ จะปวดไม่ค่อยหาย ประกอบกับถ้ามีการใช้งานอวัยวะที่มีการเสื่อมนั้นมากขึ้น อย่างเช่นใช้คอ หรือหลังมากขึ้น ก็จะยิ่งมีอาการให้เห็นชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อกระดูกเสื่อมแล้วก็เกิดการหลวมตัว กล้ามเนื้อต่างๆ ก็จะทำงานเยอะขึ้น เพื่อพยุงให้อวัยวะนั้นๆ ตั้งตรงขึ้นและใช้งานได้ จึงทำให้เกิดอาการปวดตามมา หากเราไม่สนใจไม่มีการพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรง ยังใช้งานเยอะ ก็จะมีอาการปวดมากยิ่งขึ้น และโครงสร้างของกระดูกก็จะเริ่มเปลี่ยนไป และพอเริ่มเปลี่ยนไปมากๆ ก็อาจเกิดการกดทับเส้นประสาท ปวดร้าวลงตามแขนขา มีอาการชา เป็นอาการที่เกิดขึ้นตามลำดับ
เนื่องจากคนทำงานยุคปัจจุบัน มักจะนั่งทำงานอยู่ในท่าเดียวนานๆ หรือการใช้งานผิดท่านานๆ รวมทั้งการก้มดูมือถือ นั่งเล่นเกมส์ เล่นแชทนานๆ ก็ล้วนทำให้โครงสร้างหรือหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น เพราะว่าตัวหมอนรองกระดูก เส้นเอ็นต่างๆ ถ้าหากได้ยืดก็จะ มีเลือดมาเลี้ยงบ้าง แต่ถ้าใครนั่งอยู่ในท่าเดียวนานๆ ปริมาณเลือดที่จะมาเลี้ยงบริเวณหมอนรองกระดูก หรือเส้นเอ็นก็มีปริมาณน้อย ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นบ่อยครั้ง นานๆ เข้าตัวเนื้อเยื่อของหมอนรองกระดูก หรือเนื้อเยื่อเส้นเอ็นต่างๆ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนอายุน้อยในปัจจุบันมีอาการหมอนรองกระดูกเสื่อมได้เร็วกว่าปกติ
จริงๆ แล้วกีฬาไม่ได้ทำให้กระดูกเสื่อม แต่เป็นต้นตอของภาวะกระดูกเสื่อมมากกว่า คือเมื่อเราเกิดการบาดเจ็บของส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายขึ้น แล้วไม่ได้รับการฟื้นฟู มีการปล่อยทิ้งเอาไว้ ในขณะที่เล่นกีฬาซ้ำอีก ก็อาจเกิดปัญหาสะสมไปที่หมอนรองกระดูก รวมทั้งเกิดการบาดเจ็บที่เส้นเอ็นที่ยึดข้อแต่ละข้อ เมื่อไม่ได้รับการฟื้นฟูแล้วก็เกิดการบาดเจ็บซ้ำๆ จะทำให้เกิดภาวะกระดูกเสื่อมได้เร็ว การเล่นกีฬาจึงต้องมีความระมัดระวังเสมอ และถ้าเกิดการบาดเจ็บต้องรักษาให้หายก่อน อย่าไปฝืนใช้งาน กรณีแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในคนที่ชอบเล่นกีฬา เกิดการบาดเจ็บจากการหกล้ม การกระแทกอย่างรุนแรง เช่นกีฬาที่ต้องปะทะกัน เช่นการต่อยมวย หรือการเล่นฟุตบอล ที่อาจเกิดการกระแทกกันอย่างรุนแรง ซึ่งกีฬาที่ต้องปะทะกันนี้จะทำให้เกิดการบาดเจ็บกระดูกสันหลังได้ง่าย เมื่อเกิดการบาดเจ็บขึ้นแล้ว กระดูกก็จะเสื่อมได้เร็วกว่าคนทั่วไป
นอกจากนักกีฬาแล้วในบางอาชีพ ที่ต้องทำงานอยู่ในท่าเดียวนานๆ เช่นนักคอมพิวเตอร์ อาชีพช่างที่ต้องก้มๆ เงยๆตลอดเวลา ก็มักจะเกิดภาวะกระดูกคอเสื่อม กระดูกสันหลังเสื่อมได้เร็วกว่าคนทั่วไป
วิธีป้องกันไม่ยาก อันดับแรกต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการของโรคกระดูกเสื่อมหรือไม่ รวมทั้งต้องคอยสังเกตดูว่าท่าทางการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีท่าทางไหนที่ก่อให้เกิดปัญหากับกระดูก เช่นการก้ม การนั่งนานๆ เหล่านี้ต้องมีการปรับปรุงการใช้งาน เพื่อให้อยู่ในท่านั่งที่ถูกต้อง จะช่วยลดการบาดเจ็บของหมอนรองกระดูกสันหลัง รวมทั้งช่วยลดการบาดเจ็บของข้อต่อต่างๆ ซึ่งเป็นอีกวิธีที่สามารถชะลอการเสื่อมของกระดูกในระยะยาวได้ อันดับต่อมาคือเรื่องของการออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้โครงสร้างของกล้ามเนื้อที่หุ้มกระดูกสันหลังไว้แข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการกระแทก และสามารถรองรับน้ำหนักหรือแรงที่มากระแทกกระดูกสันหลังได้กระจายออกไป ทำให้การบาดเจ็บในส่วนของหมอนรองกระดูก ที่กระดูกสันหลัง ข้อต่อต่างๆ ลดลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ช่วยในการลดความเสื่อม อันดับที่สาม ควรหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บขณะเล่นกีฬา เพราะหากเกิดบาดเจ็บแล้ว ต้องทำการรักษาให้หายก่อน ก็จะช่วยชะลอการเสื่อมของกระดูกสันหลังได้
การวินิจฉัยอันดับแรกเลย เริ่มจากการตรวจร่างกาย แล้วก็ทำการซักประวัติของการรักษา บางคนมีอาการปวดเรื้อรังมาเป็นเวลานานๆ ประกอบกับพื้นฐานอาชีพต้องใช้คอหรือใช้หลังเป็นหลัก ซึ่งการบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้จะเป็นอีกตัวบ่งบอกว่ามีโอกาสเป็นโรคกระดูกเสื่อมมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นแล้ว การวินิจฉัยที่จำเป็นคือการตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะได้ดูหมอนรองกระดูกสันหลัง ดูว่าสภาพยังดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าเสื่อมสภาพแล้ว เพราะว่าตัวเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์จะเห็นถึงลักษณะการเสื่อมหรือการเปลี่ยนแปลงของหมอนรองกระดูกได้ นอกจากนั้นยังเห็นถึงเส้นประสาท รวมทั้งข้อต่อของกระดูกต่างๆ ทำให้แพทย์ สามารถประเมินได้ในเบื้องต้นว่ากระดูกเสื่อมแล้วหรือยัง
ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านกล้อง Endoscopic Spinal Surgery มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้มากขึ้น ในการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังร่วมด้วย ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้มีวิธีการรักษาต่างๆ ที่พร้อมช่วยรักษาคนไข้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดเสมอไป อาทิ การทำกายภาพฟื้นฟู การรักษาอาการปวดหลังด้วยการฉีดสลายพังผืด หรือแม้กระทั้งการผ่าตัดสมัยนี้ก็เป็นการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็กน้อยกว่า 1 ซม. ที่ไม่จำเป็นต้องเลาะกล้ามเนื้อเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่เวลามีอาการปวดหลังมักจะปล่อยให้ปวดมาก ปวดเรื้อรังจนบานปลาย จึงก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา ซึ่งทางโรงพยาบาลสุขุมวิทของเรามีเทคโนโลยีมากมาย หนึ่งในนั้นคือการผ่าตัดส่องกล้องที่กระดูกสันหลัง ซึ่งหลังจากที่ทำการผ่าตัดแล้ว จะมีแผลเล็กน้อยกว่า 1 ซม.เท่านั้นส่งผลให้ทำการรักษาเฉพาะที่ได้ และในกรณีที่คนไข้มีอาการของหมอนรองกระดูกยื่นออกมา การผ่าตัดส่องกล้องนี้จะสามารถขยายโพรงกระดูกออกไปได้ ทำให้คนไข้สบายขึ้น โดยที่ไม่ต้องบาดเจ็บ ไม่ต้องเสียเลือด แล้วก็ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน อันนี้เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วย ของการรักษาภาวะของกระดูกสันหลังเสื่อมในปัจจุบัน
ทุกวันนี้มีคนไข้เข้ามาทำการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก ปวดเข่า ปวดไหล่ ปวดหลัง จำนวนเยอะมากยิ่งขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ เกิดจากการใช้งานร่างกาย ทั้งเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ส่วนเรื่องกระดูกเสื่อมก็มี แต่จะเสื่อมมากหรือเสื่อมน้อยก็ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจละเอียดและทำการรักษาต่อไป ซึ่งในสมัยก่อนในกรณีของคนไข้ที่กระดูกเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อย พอมีอาการขึ้นมาการผ่าตัดใส่น็อตเข้าไปในร่างกายก็ไม่เหมาะสมนัก จึงเน้นกินยากับทำกายภาพอย่างเดียว ในบางรายที่กินยา และทำกายภาพแล้วไม่ดีขึ้น ก็กลับมาหาหมออีก ส่งผลให้เกิดความทรมานได้ แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษาเยอะมากขึ้น และทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกระดูกโดยตรง นอกจากนั้นอย่าลืมให้ความสำคัญกับการบริหารร่างกาย บริหารหลังให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการยกของหนัก จัดท่าทางในการนั่งทำงานให้เหมาะสม เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยปกป้องกระดูกสันหลังของเราให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น โดยไม่เกิดปัญหาในอนาคต และยังคงสามารถเล่นกีฬา และทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ
นพ.พูนศักดิ์ อาจอำนวยวิภาส
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ