สาเหตุของโรคมะเร็งเต้านม
- การมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะสตรีที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปพบว่าสตรีในกลุ่มนี้มีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมสูงกว่ากลุ่มที่อายุน้อยกว่า 40 ปีหลายเท่าอย่างชัดเจน
- การมีประวัติทางพันธุกรรม พบว่าสตรีที่มีญาติ ได้แก่ แม่ ยาย ย่า พี่สาว น้องสาว ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะการที่ญาติเป็นโรคมะเร็งเต้านมทั้ง 2 ข้าง ตลอดจนถึงการที่มีญาติทางฝ่ายชายที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม จะมีความเสี่ยงที่ตนเองจะเป็นโรคมะเร็งเต้านมสูงกว่าคนทั่วไปมาก และนอกจากนี้ยังพบว่า โรคมะเร็งอื่นๆ ในญาติก็มีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้ เช่นเดียวกัน ได้แก่ มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งสมอง เป็นต้น
- สตรีที่เคยเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาก่อน พบว่าเต้านมอีกข้างก็มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้อีกเช่นกัน โดยพบได้ร้อยละ 1 ต่อปี
- สตรีที่มีฮอร์โมนเพศหญิง (หรือที่เรียกว่าฮอร์โมนเอสโตรเจน) อยู่ในระดับสูง เนื่องจากเต้านมเป็นอวัยวะที่ถูกหล่อเลี้ยง เซลล์ให้แบ่งตัวเจริญเติบโต ตามการกระตุ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จึงมีการกระตุ้นเซลล์เต้านม ให้แบ่งตัวอยู่เป็นเวลานาน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่เซลล์เต้านมจะมีการแบ่งตัวผิดปกติ จนทำให้กลายเป็นโรคมะเร็งเต้านมตามมาได้
อาการของโรคมะเร็งเต้านม
มากกว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยจะมีการคลำพบก้อนที่เต้านม ส่วนน้อยจะเป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบจากการตรวจคัดกรองอาการและสิ่งตรวจพบในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ได้แก่
- มีก้อนเนื้อที่เต้านม (15-20%) ของก้อนเนื้อที่คลำได้เท่านั้นที่เป็นมะเร็ง
- >มีการเปลี่ยนแปลงเช่น รอยบุ๋ม ย่น หดตัว หนาผิดปกติ บางส่วน เป็นสะเก็ด
- หัวนมมีการหดตัว คัน หรือแดงผิดปกติ
- มีเลือดหรือน้ำออกจากหัวนม (20% ของการมีเลือกออกเป็นมะเร็ง)
- เจ็บเต้านม (เต้านมส่วนใหญ่ไม่เจ็บ นอกจากมีก้อนโตมากแล้ว)
- การบวมของรักแร้ เพราะต่อมน้ำเหลืองโต
- สำหรับผู้ที่มีประวัติในครอบครัว เป็นโรคมะเร็งเต้านมควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจต้องตรวจแมมโมแกรมเร็วกว่าปกติ
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านม
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุภาพสตรีทุกท่าน เนื่องจากสามารถตรวจลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมลงได้ หากมีการค้นพบโรคที่เพิ่งก่อตัวเกิดขึ้น โดยที่ยังไม่มีการลุกลาม การตรวจประกอบด้วย
- การตรวจเต้านมด้วยตนเอง
- การตรวจเต้านมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- การตรวจด้วยแมมโมแกรม
การตรวจเต้านมด้วยเครื่อง MAMMOGRAM (แมมโมแกรม)
เครื่องเอกซเรย์ ที่ออกแบบพิเศษ ให้โดนปริมาณรังสีน้อยมาก และเห็นรายละเอียดภายในเนื้อเต้านมได้ชัดเจน โดยที่เครื่องทั่วไปทำไม่ได้ การทำแมมโมแกรมเหมาะสำหรับการตรวจหาก้อนเนื้อที่ผิดปกติในคนปกติทั่วไป เพราะจะสามารถเห็นก้อนเนื้อที่ผิดปกติดังกล่าว และคาดว่าจะเจริญต่อไปเป็นมะเร็งตั้งแต่ที่มันยังไม่ได้ ฟอร์มตัวเป็นก้อนหรือก้อนเล็กมากจนคลำไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นโอกาสหายมีสูงมาก
การตรวจเต้านมด้วยเครื่อง MAMMOGRAM (แมมโมแกรม)
การรักษาโรคมะเร็งเต้านมในปัจจุบัน ประกอบด้วย
- การผ่าตัด
- การให้ยาเคมีบำบัด
- การฉายแสง
- การให้ยาต้านฮอร์โมน
- การให้ยาต้านการทำงานในชีวโมเลกุล
การรักษาเสริม
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะได้รับเคมีบำบัด การฉายแสงจะทำในผู้ป่วยที่เลือกผ่าตัดแบบสงวนเต้านมไว้ทุกราย ผู้ป่วยที่มีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ มีการแพร่เข้าต่อมน้ำเหลืองรักแร้จำนวนมาก ยาต้านฮอร์โมนเพศหญิงจะให้ในผู้ป่วยที่มีการตรวจพบตัวรับยาต้านการทำงานในระดับชีวโมเลกุล จะให้ผู้ป่วยที่ตรวจพบมี ตัวรับทางชีวโมเลกุลในเซลลล์มะเร็ง
สตรีที่มีประวัติเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
- ไม่มีบุตร
- อายุแรกมีประจำเดือน คืออายุน้อยกว่า 13 ปี และหมดประจำเดือนเมื่ออายุมากกว่า 55 ปี
- มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม
- อายุที่ตั้งท้องแรก (เกิน 30 ปี)