อาการแบบไหนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม!?

อาการแบบไหนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงทั่วโลก ในประเทศไทยมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 1 โดยมีอัตราการเกิดอยู่ที่ 30 คน ต่อประชากร 100,000 คน ตามมาด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และ มะเร็งปากมดลูก ในปัจจุบันการตรวจและรักษามะเร็งเต้านมมีการพัฒนามากขึ้น จึงตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะแรกได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดมากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรทำความรู้จักกับมะเร็งเต้านมให้มากขึ้น

มะเร็งเต้านมคืออะไร

มะเร็งเต้านม คือการที่เซลล์ของเต้านมเกิดการเจริญเติบโตและแบ่งตัวอย่างผิดปกติ โดยในระยะแรก อาจจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่สามารถตรวจพบได้จากการตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์ หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษา อาจโตจนสามารถคลำพบก้อน และมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง จนเกิดการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้ในที่สุด

มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร

มะเร็งเต้านม ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่พบว่ามีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม ดังนี้

  • เคยได้รับการฉายรังสีที่หน้าอก
  • อายุ ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะเสี่ยงมากขึ้น
  • เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย (มาก่อนอายุ 12 ปี)
  • การกินยาฮอร์โมนวัยทองหรือใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
  • มีประวัติครอบครัวสายตรง ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก และพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เป็นมะเร็งเต้านม
  • หมดประจำเดือนช้า (อายุมากกว่า 55 ปีแล้วยังไม่หมดประจำเดือน)

อาการแบบไหนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านมในระยะแรก อาจจะไม่มีความผิดปกติใดๆ เมื่อมะเร็งเจริญเติบโตมากขึ้น อาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • คลำพบก้อนที่เต้านม
  • มีน้ำหรือเลือดออกจากหัวนม
  • มีแผลหรือผื่นบวมแดงที่บริเวณหัวนม หรือ เต้านม
  • รูปทรงของเต้านมผิดไปจากเดิม เช่น มีรอยบุ๋ม หรือขนาดเต้านมสองข้างไม่เท่ากัน
  • เจ็บเต้านม (มะเร็งเต้านมมักไม่มีอาการเจ็บ เว้นแต่จะเป็นก้อนใหญ่เกิดเนื้อตาย มีอาการอักเสบติดเชื้อ เป็นหนอง)

การวินิจฉัยมะเร็งเต้านม

การตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านม ประกอบด้วยการซักประวัติเพื่อประเมินถึงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม การตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงมีการตรวจเพิ่มเติมโดยการทำแมมโมแกรม ร่วมกับการทำอัลตร้าซาวด์ในผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ส่วนในผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี อาจทำการตรวจอัลตร้าซาวด์เพียงอย่างเดียว หรืออาจส่งตรวจแมมโมแกรมเพิ่มเติม ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจมีการส่งตรวจ MRI เพิ่มเติมในกรณีที่จำเป็น

หากการส่งตรวจแมมโมแกรม หรือ อัลตร้าซาวด์พบความผิดปกติ จำเป็นจะต้องมีการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งเต้านมและวางแผนให้การรักษาต่อไป

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม

ในปัจจุบัน มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้หญิงไทย การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมจะช่วยให้สามารถวินิจฉัยมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นก่อนที่จะมีอาการ ซึ่งหากได้รับการรักษาในระยะนี้ จะมีโอกาสในการรักษาหายขาดสูง ซึ่งการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในปัจจุบันสามารถทำได้ 3 วิธี

  • การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self Exam)
  • การตรวจเต้านมโดยแพทย์ (Clinical Breast Exam)
  • การตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรมร่วมกับการอัลตร้าซาวด์เต้านม (Digital Mammogram and Breast Ultrasound)

การตรวจเต้านมด้วยตนเอง เป็นการตรวจที่สามารถทำได้ง่าย สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยจะทำให้รู้ถึงลักษณะที่ปกติของเต้านมของตนเอง สามารถตรวจพบอาการที่ผิดปกติหรือสงสัยมะเร็งเต้านมได้ ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป โดยตรวจเดือนละครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจเต้านมด้วยตนเอง คือ หลังจากหมดประจำเดือน 7-10 วัน เพราะเป็นระยะที่เต้านมไม่คัดตึง สามารถคลำพบความผิดปกติได้ง่าย ส่วนผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนควรตรวจเดือนละครั้ง โดยเลือกวันที่จำได้ง่ายและตรวจในวันนั้นๆของทุกเดือน

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยแพทย์และการตรวจด้วยแมมโมแกรมร่วมกับอัลตร้าซาวด์ แนะนำให้เริ่มตรวจเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป โดยตรวจเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะช่วยให้ตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะแรก ก่อนที่จะคลำพบก้อนหรือมีอาการผิดปกติ ซึ่งมีโอกาสที่จะรักษาหายขาดสูง รวมถึงการรักษาโดยการผ่าตัดในปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมาก การตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม (Breast conservative therapy) เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยได้อีกด้วย


หากท่านใดมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว สามารถใช้บริการ

ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ ได้ที่โรงพยาบาลสุขุมวิท


นพ. ธราดล เล็กสุพรรณโรจน์

นพ. ธราดล เล็กสุพรรณโรจน์
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยาและโรคเต้านม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมศูนย์ศัลยกรรมเต้านมและมะเร็ง
ชั้น 1 โรงพยาบาลสุขุมวิท
โทร. 02-391-0011 ต่อ 110, 111


ติดตามรับข้อมูลข่าวสารอัพเดทจากทางโรงพยาบาล: