การรักษาข้อเข่าด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP (Pure Platelet Rich Plasma)
ใครที่เคยเจอกับอาการปวดเข่า คงรู้ดีว่า เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตมาก เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็อาจจะมีอาการเจ็บปวด บางคนอาจจะกลัวการมาหาหมอ เพราะกลัวว่าต้องผ่าตัดและทำให้เสียทั้งเวลาในการพักฟื้น เสียเงิน และ อาจจะมีความเสี่ยงในการกลับมาใช้เข่าไม่ได้ดีเหมือนเดิมอีกต่างหาก แต่จริงๆแล้วในปัจจุบัน เรามีวิธีการรักษาข้อเข่าใหม่ๆ มากมาย และวิธีที่กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากก็คือการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP
เทคโนโลยีการรักษาอาการปวดข้อแบบใหม่ที่ไม่ต้องผ่าตัดไม่ต้องฉีดสเตียรอยด์
การรักษาข้อเข่าด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP คือ เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นกว่าเกล็ดเลือดในกระแสโลหิตทั่วไปอย่างน้อย5 เท่า ยิ่งความเข้มข้นสูงประสิทธิภาพในการรักษายิ่งเห็นผลชัดเจน โดย Pure PRP จะได้จากการเจาะเลือดของผู้ป่วยเองแล้วนำไปปั่นให้ตกตะกอนด้วยความเร็วรอบที่เหมาะสม PurePRP ประกอบไปด้วย Growth factor มากมายหลายชนิด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด กระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ และกระดูกอ่อนตามธรรมชาติ
ข้อดี/จุดเด่นของการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด PurePRP
นอกจากช่วยลดอาการปวดในระยะเวลาอันสั้นแล้วการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงถูกสกัดจากเลือดของผู้ป่วยเอง จึงไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านหรือผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์
การรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP เหมาะสมกับโรคอะไรบ้าง?
- โรคข้อเข่าเสื่อม
- ไขข้ออักเสบ
- เอ็นข้อเข่าอักเสบ
- เอ็นข้อไหล่ฉีก หรืออักเสบ
- เอ็นร้อยหวายอักเสบ
- เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
- เอ็นอักเสบที่ข้อศอกด้านนอก(Tennis Elbow)
- เอ็นอักเสบที่ข้อศอกด้านใน(Golfer Elbow)
- การบาดเจ็บของเส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ
Pure PRP แตกต่างจาก PRP อย่างไร
หลายๆคนอาจจะมีคำถามว่าเหตุใด เกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP จึงมีราคาต่างจาก PRP ทั่วๆไป? PRP ที่ไหนก็หมือนกันจริงหรือไม่?
ข้อเท็จจริงคือ ขั้นตอนการสกัด PRP ที่แตกต่างกันนั้น ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาและความสะอาด ปลอดภัยที่แตกต่างกัน โดยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRPมีความแตกต่างจากPRP ทั่วไป 3 ประการดังต่อไปนี้
- เกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP มีความเข้มข้น สูง ถึง 16-21 เท่า ซึ่งทำให้ ย่อมส่งผลต่อการรักษาที่ดีกว่า มีข้อมูลทางการแพทย์สนับสนุนว่า ควรใช้ PRP ที่มีความเข้มข้นขั้นต่ำ 5 เท่าขึ้นไปจึงจะทำให้การรักษาได้ผล ยิ่งสามารถสกัด PRP ที่มีความเข้มข้นสูง ยิ่งให้ผลการรักษาที่ชัดเจน รวดเร็ว มากกว่า PRP ที่ความเข้มข้นต่ำ ทุกท่านลองจินตนาการว่าในเวลาที่ร่างกายเกิดการบาดเจ็บ ระหว่างการใช้ PRP 500,000 plt กับการใช้ PRP 4,000,000 Plt ในการรักษาฟื้นฟู อย่างไหนจะหายจากการบาดเจ็บได้รวดเร็วกว่ากัน?
- การใช้เวชภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสกัด Pure PRP โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นระบบปิด จึงสะอาดและปลอดเชื้อ ทำให้หมดกังวลเรื่องการติดเชื้อจากการฉีด Pure PRP
- มีการกระตุ้นเพื่อเพิ่มระดับ Growth Factor ให้สูงขึ้นถึง 2 เท่า โดยเป็นการนำเกล็ดเลือดเข้มข้นมาผ่านแรงเสียดทานด้วย Capillary Tube ขนาดเล็ก ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการรักษาฟื้นฟูให้เห็นผลไวขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยมากกว่าการกระตุ้นด้วยสารเคมี ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้
มีงานวิจัยในสัตว์ทดลองเปรียบเทียบการสมานแผลระหว่างการใช้ PRP ธรรมดา กับการใช้ PRP ที่ผ่านการกระตุ้นแล้ว โดยงานวิจัยพบว่า PRP ที่ผ่านการกระตุ้นนั้น สามารถสมานแผลได้ในระยะเวลาเพียง 15 วันเท่านั้นเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเทียบเคียงกับการรักษาอาการบาดเจ็บในรูปแบบอื่น จึงมีแนวโน้มว่าผลการรักษาจะเห็นผลได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
อยากรักษาด้วย เกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด Pure PRP ต้องทำไง?
สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รพ.สุขุมวิท เพื่อเปรียบเทียบทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจ เพราะการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด (PRP) มีหลายที่ และแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันโดยบางที่ก็เป็น Pure PRP ซึ่งให้ผลการรักษาที่ดีกว่าแต่บางทีก็เป็นแค่ PRP ธรรมดาซึ่งให้ผลการรักษาที่ด้อยกว่าดังนั้น อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเลือกการรักษาครับ
#PurePRP #เกล็ดเลือดเข้มข้นชนิดสูง #ปวดเข่า #รักษาอาการปวดข้อ #ข้อเข่า #การรักษาเข่า
คลิกที่นี่เพื่อทำแบบประเมินระดับความรุนแรงของ โรคข้อเข่าเสื่อม
( Oxford Knee Score )