เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบพบเจอปัญหากับสุขภาพช่องปากของเราซึ่งมีหลากหลายอาการ เช่น ปวดเหงือก มีกลิ่นปาก และ เลือดออกขณะแปรงฟัน หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงเป็น และเกิดจากอะไร ซึ่งอาการที่กล่าวมาล้วนเกิดจากหินปูนเข้าไปเกาะตามฟันของเรา
หินปูนคืออะไรล่ะ? หินปูนในฟัน เกิดจากคราบเชื้อแบคทีเรียที่รวมตัวกับโปรตีนและเศษอาหารทำให้กลายเป็นจุลินทรีย์แบบแผ่นเกาะอยู่ที่ฟันและเหงือก โดยสาเหตุเกิดจากแปรงฟันไม่ดีพอ หรือแปรงฟันออกไม่หมด รวมถึงการดื่มชา กาแฟ ปริมาณมากๆอีกด้วย ส่งผลให้เกิดมีคราบหินปูนไปเกาะที่ฟัน และส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมา เช่น โรคที่เกี่ยวกับเหงือก เหงือกอักเสบ (โรคปริทันต์) เป็นต้น
อาการหนักที่สุดคือต้องถอนฟัน เพราะว่า ร่างกายเราไม่สามารถสร้างกระดูกเบ้าฟันให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ไม่เหมือนตอนเด็ก ซึ่งหากปล่อยให้เหงือกอักเสบมากๆ การรักษาเบื้องต้นจะต้องขูดหินปูนใต้เหงือกเพื่อจัดการกับคราบหินปูนสะสมที่เกาะตามซีกฟัน ซึ่งต่างจากการขูดหินปูนปกติที่จะขูดหินปูนเหนือเหงือกหรือใต้เหงือกเล็กน้อย เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ควรขูดหินปูนเป็นประจำทุก 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณหินปูนในช่องปาก เพื่อไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้
ในความเป็นจริงแล้วทุกคนควรขูดหินปูนทุก 6 - 12 เดือน มีผู้ป่วยบางกลุ่มที่มีข้อจำกัด ที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการขูดหินปูนหรือการทำฟัน เช่น
ทุกคนสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดหินปูนในช่องปากได้ โดยทำได้ง่ายดังต่อไปนี้
เวลาทัตนแพทย์ทำการขูดหินปูน หลักการทำงานของเครื่องคือการสั่นของปลายเครื่องมือเพื่อไปกระแทกหินปูนให้หลุดออกมา ซึ่งไม่ได้ไปสัมผัสกับตัวฟันโดยตรง ทำให้ไม่มีผลต่อเนื้อฟัน และการขูดหินปูนในระยะเวลาที่เหมาะสม ทุก 6 – 12เดือนก็ช่วยเป็นการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่เหมาะสม